วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2552

ผีดุ…ที่เดอะมอลล์

เป็นที่ลือกันทั่วไปในหมู่ของคนขับรถแท็กซี่ว่า บริเวณป้ายรถเมล์หน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์
(งามวงศ์วาน) ตอนกลางดึก (หลังห้างปิด) แล้วเนี่ยผีดุเป็นบ้า ลือกันเป็นตุเป็นตะว่า เคยมีแท็กซี่หลายคันถูกผู้หญิงผมยาวเรียกจากหน้าห้างฯ ให้ไปส่งที่วัดสมรโกฏิ (ถ.รัตนาธิเบศร์) พอคนขับแท็กซี่ขับไปถึงหน้าวัดปรากฏว่าผู้โดยสารผู้หญิงผมยาวคนนั้นก็หายตัวไป


เป็นที่เลื่องลือกันว่าผีที่หน้าห้างเดอะมอลล์งามวงศ์วานนี้ คือหญิงสาวที่เคยใช้ที่จอดรถของห้างฯ เป็นที่ฆ่าตัวตาย จนปัจจุบันนี้ห้างฯได้ทำลวดตาข่ายมาอ๊อกปิดไว้หมดทุกด้านเพื่อป้องกันไม่ให้ มีใครมาใช้เป็นสุสานอีก แต่ก็ยังไม่วายมีข่าวมาเรื่อยๆ ว่ามีคนกระโดดตึกตายที่นี่เป็นประจำ

เรื่องข่าวลือนี้ นายกล้าโชเฟอร์แท็กซี่ (มือใหม่) ที่เพิ่งมาหางานทำในกรุงเทพฯ ก็ได้ยินมาเหมือนกัน แต่ความที่แกเป็นคนกล้าสมชื่อ แกจึงไม่เชื่อแล้วแกยังคงวนเวียน รับ-ส่ง ผู้โดยสารแถวงามวงศ์วานและใกล้เคียง เป็นประจำ เพราะรายได้ดีเนื่องจากแถวนี้ตอนดึก ๆ ไม่ค่อยมีแท็กซี่กล้าขับผ่านมา

เรื่องของเรื่องคือ มีอยู่วันหนึ่งดึกมากแล้ว นายกล้าขับรถผ่านหน้าห้างเดอะมอลล์ฯ ก็ปรากฏว่ามีผู้หญิงสาวสวยไว้ผมยาวสยาย ยืนโบกรถอยู่หน้าห้างฯ ฉับพลันที่เห็น นายกล้าก็นึกไปถึงเรื่องที่เพื่อนๆ ชาวแท็กซี่โจษขานถึงเรื่องผีดุกันขึ้นมาทันที แต่ความที่แกเป็นคนกล้า ประกอบกับผู้หญิงคนนั้นก็ดูว่าเป็นคนชัด แกจึงจอดรถเข้าไปรับ
พอหญิงสาวเปิดประตูรถ กลิ่นน้ำหอมฉุนกึกก็ปะทะจมูกของนายกล้าทันที
"โชเฟอร์ไปแถววัดธาตุทองนะ จะไปมั้ย?"
หญิงสาวถาม
"ไปครับผม" นายกล้าตอบ
ในใจคิดว่าไม่ใช่วัดสมรโกฏิแบบที่ลือกันนี่หว่า หญิงสาวก้าวขึ้นนั่งที่เบาะหลังพร้อมกับบอกนายกล้าว่า "ไปทางด่วนนะ" นายกล้ากดมิเตอร์แล้วออกรถขับตรงไปขึ้นทางด่วนงามวงศ์วาน


กลาง ดึกเช่นนั้นทางด่วนเงียบสนิท นาน ๆ ถึงจะมีรถขับมาสักคัน กลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวยังเตะจมูกอยู่ บรรยากาศเงียบเชียบชวนอึดอัด ถึงนายกล้าจะกล้าเพียงไรก็ตามแต่แกก็อดชำเลืองมองกระจกส่องหลังไม่ได้ เมื่อเห็นหญิงสาวนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา แกก็เลยชวนคุยเพื่อทำลายบรรยากาศอันอึดอัดนี้
"รอรถนานมั้ยครับ" นายกล้าถามหญิงสาว
"นานสิ แท็กซี่หายไปไหนหมดไม่รู้ " หญิงสาวพูดเรื่อย ๆ
"ก็มีข่าวลือเรื่อง … เอ้อ …. เรื่องผีแถวนี้ดุสิครับเลยไม่ค่อยมีแท็กซี่คันไหนกล้าวิ่งแถวนี้ " นายกล้าตัดสินใจพูดหยั่งเชิงเพื่อดูท่าทีหญิงสาว หญิงสาวหันขวับมามองนายกล้าทันที
"มิน่าล่ะ เมื่อกี้ฉันเรียกตั้งหลายคันไม่มีใครจอดเลย แล้วนายไม่กลัวเหรอ ?" หญิงสาวถาม
นายกล้ากลืนน้ำลาย " เอ้อ … ไม่กลัวครับ "
" ก็ดี " หญิงสาวพูดพร้อมกับหันไปมองที่หน้าต่าง


นายกล้า ขับรถต่อไปเรื่อย ๆ บรรยากาศกลับเงียบสงัดอีกครั้งเงียบจนนายกล้าได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง เพียงคนเดียว! นายกล้าแหงนขึ้นไปมองกระจกส่องหลังเมื่อนึกขึ้นได้ทันใดนั้น! หัวใจของแกแทบ จะหยุดเต้น เมื่อเห็นภาพในกระจก เบาะหลังว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของผู้หญิงผมยาวที่นั่งคุยมาด้วยกัน เมื่อกี้นี้เลย!
'ship หายแล้ว ku เนี่ยเขาว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ โดนดีเข้าแล้วมั้ยล่ะ'
นายกล้าคิดขณะที่กลิ่นน้ำหอมฉุนของผู้หญิงสาวยังคงคลุ้งอยู่ในรถ มือที่กำพวงมาลัยสั่นสะท้าน เหงื่อแตกพลั่กทั้งที่แอร์ในรถเย็นเฉียบ ขาของนายกล้าที่เหยียบคันเร่งชาจนแทบจะไม่รู้สึกแล้ว


บทสวดมนต์กี่บท ๆ ที่นึกได้ นายกล้าท่องจนหมด กลิ่นน้ำหอมก็ไม่หายไปไหน ยังลอยอบอวลคลุ้งอยู่ในรถ แถมบางครั้งยังแรงขึ้นด้วยซ้ำไป มนต์บทแล้วบทเล่าที่นายกล้าท่อง ไม่ได้ทำให้กลิ่นน้ำหอมจางลงเลย นายกล้าแหงนขึ้นมองกระจกอีกครั้ง เบาะหลังก็ยังว่างเปล่าอยู่ มีแต่กลิ่นน้ำหอมเท่านั้นที่บอกให้รู้ว่า " เธอ " ยังไม่ไปไหน นายกล้าเหยียบคันเร่งอย่างไม่คิดชีวิต ในใจก็อาราธนาพระดัง ๆ ทั่วเมืองไทยให้มาอยู่เป็นเพื่อนเขา
ใจอยากบึ่งไปให้ถึงวัดธาตุทองเร็ว ๆ เผื่อว่ากลิ่นน้ำหอมจะหายไปเพราะ " เธอ " คงต้องการไปลงที่นั่นจริง ๆ

' โอ๊ย มาไกลเหลือเกินนะแม่คุณ ' นายกล้าคิดในใจ


ขณะ ที่ยังคงเหยียบคันเร่งมิด นายกล้ามารู้สึกตัวอีกทีเมื่อรถมาติดไฟแดงตรงเชิงทางด่วน นายกล้าสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ 3 ครั้ง ก่อนกลั้นใจแหงนหน้าขึ้นไปมองกระจกส่องหลัง และแล้วนายกล้าก็แทบจะหัวใจหยุดเต้นอีกครั้ง มือเท้าเย็นวาบ แทบจะหมดแรง ขนลุกซู่ทั้งตัวเหมือนใครเอาน้ำแข็งมาโปะต้นคอ ภาพที่ทำให้นายกล้าแทบช็อกก็คือ หญิงสาวคนเดิมมาปรากฏตัวที่เบาะหลังอีกครั้ง แต่คราวนี้หน้าตาเธอเปลี่ยนไป! ใบหน้าของเธอมีเลือดไหลออกทางจมูกและปาก นายกล้าตัดสินใจรวบรวมความกล้าอีกครั้ง ' เป็นไงเป็นกันวะ ไหน ๆ ก็ไหนๆ แล้ว จะถามให้รู้เรื่องกันไปว่า " เธอ " ต้องการอะไรกันแน่ '

พอคิดได้ดังนั้นนายกล้าก็หันกลับไปเผชิญหน้ากับ " เธอ " ผู้นั้น ก่อนที่จะถามเป็นคำถามแรกว่า
" คุณเป็นอะไรตาย ?" ……..


" ตายพ่อตายแม่มึงสิ " เสียงหญิงสาวคนนั้นตอบดังลั่นรถ
" ไอ้ห่า! กูก้มลงไปแต่งหน้าหน่อยเดียว มึงทั้งเบรค ทั้งเหยียบซะหน้าตากูแหกหมด แล้วยังเสือกมาถามอีกว่าเป็นอะไรตาย "