วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

ความน้อยใจ ...หายไป‏

ผู้หญิงคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุ ทำให้ต้องตาบอดทั้งสองข้าง
และเธอก็ทุกข์ทรมานกับการสูญเสียการมองเห็น
แต่สามีเธอก็พยายามปลอบใจ และให้กำลังใจเธอตลอด
พยายามสอนให้เธอใช้ประสาทสัมผัสให้มากขึ้น

ที่ทำงานของเธอกับสามีอยู่คนละทางแต่เขาก็ขับรถไปส่งและไปรับอยู่เสมอ
จนวันหนึ่งสามีเธอพูดกับเธอว่า

"ผมรู้สึกเหนื่อย อยากให้คุณลองพยายามขึ้นรถเมล์ไปทำงานเอง"
โดยที่เขาไม่ต้องไปรับไปส่งได้ใหม


นาทีนั้น
?.. ..............
เธอรู้สึกเหมือนโดดเดี่ยวและน้อยใจสามีเธอแต่เธอก็พยายามทำตามที่เขาขอ

เธอพยายามขึ้นรถเมล์เอง พยายามไปทำงานด้วยตัวเอง
จนในที่สุดเธอก็สามารถทำได้

วันหนึ่งก่อนที่เธอจะลงรถไปทำงานตามปกติ
คนขับรถเมล์ก็เข้ามาจับแขนเธอและพูดกับเธอว่า "ผมช่างอิจฉาคุณผู้หญิงจริงๆครับ"


เธอก็เลยถามว่า "อิจฉาเธอเรื่องอะไร"
คนขับรถเมล์ก็เลยบอกว่า "สามเดือนที่ผ่านมา ผมจะเห็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งเขาจะขึ้นรถเมล์ตอนเช้า มานั่งตรงเบาะหลังคุณ เฝ้ามองดูคุณด้วยความห่วงใยและตามคุณลงรถไป
และเฝ้าดูคุณเดิน....เข้าไปที่ทำงานอย่างห่วงใย
ทุกๆเย็นเขาก็จะมาเฝ้ารอดูคุณขึ้นรถ และคอยดูคุณจนคุณลงรถ"


พอเธอได้ยินดังนั้น เธอก็น้ำตาไหลด้วยความตื้นตัน..และสำนึกผิด

เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยทิ้งเธอไปไหน
เขายังอยู่ดูแลเธออย่างใกล้ชิด
เขาเหนื่อยยิ่งกว่าตอนที่เขาต้องคอยมารับมาส่งเธอซะอีก


เธอหวนนึกถึงคำพูดเขาที่บ่นลอยๆออกมาบ่อยๆว่า
ชีวิตคนไม่แน่นอน อาจตายวันนี้ พรุ่งนี้ ได้ทุกเมื่อเลยนะ..


ดูอย่างคุณสิ...เมื่อวานยังมองเห็น วันนี้ คุณมองไม่เห็นแล้ว....


เธอคิดน้อยใจเขามาตลอด
3 เดือน ที่คิดว่าเขาเบื่อรำคาญการเป็นคนตาบอดของเธอ...

ณ.วันนี้เธอรู้แล้วว่า ....เขากลัวว่า
วันนี้ พรุ่งนี้ เขาจะตายไป...แล้วเธอจะไม่สามารถ ไปไหนมาไหน
หรือมีชีวิตอยู่เองได้ถ้าขาดเขา



หวังว่าทุกคนที่อ่านเรื่องนี้แล้ว


ช่วยกลับไปมองความรักของเราอีกทีว่า
ทุกวันนี้เรารักเขาหรือเธอแบบไหน


พ่ออยากมั่นใจว่า เมียและลูกจะอยู่ได้แม้ไม่มีพ่อ